Friday, September 26, 2008
หลวงพี่เท่ง2 รุ่นฮาร่ำรวย(Lung Pee Teng2)
ตบตีพ่อแม่จะตายกลายเป็นเปรต ใครชอบหลวงพี่เทศน์ขอให้ยกมือขึ้น ^0^/
อาตามาไม่รู้สิ....... อาตามาไม่รู้สิ.......
ภาคแรกที่โกยเงินไปอย่างไม่คาดฝันถึง 140 ล้าน เมื่อ 3 ปีที่แล้ว (3 มี.ค. 48) ทำให้พระนครฟิลม์หวังสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในปีนี้กับ "หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮาร่ำรวย" โดยผู้กำกับ "โน้ต เชิญยิ้ม" เหมือนเดิม
แต่คราวนี้เปลี่ยนจาก "หลวงพี่เท่ง" เป็น "หลวงพี่โจอี้" แทน *0*/ ไปดูแน่ๆ อิอิ
จะมุขแป้กเหมือนภาคแรก หรือ ฮามากกว่าเดิม รู้กันในวันที่ 2 ต.ค. นี้
เรื่องย่อ
หลวงพี่โจอี้ ( โจอี้ �0��่พออยู่วัดได้ไม่นานก็ได้รับคำสั่งให้ไปพัฒนาวัดที่กำลังมีปัญหา ก่อนไปจึงไปลาโยมแม่ที่กำลังป่วย ซึ่งโยมแม่ก็ได้บอก�0��นไปจึงไปลาโยมแม่ที่กำลังป่วย ซึ่งโยมแม่ก็ได้บอกความลับบางอย่างเกี่ยวกับโยมพ่อ และมอบของสำคัญชิ้นหนึ่งให้ไว้
หลวงพี่โจอี้ออกเดินทางไปวัดโคกสะอาด ด้วยความยากลำบาก แต่ก็ไม่ได้ย่อท้อ พอไปถึงก็ปราฎว่าทั้งวัดเต็มไปด้วยฝุ่นละอองจากการระเบิดภูเขา ซึ่งได้รับการบอกเล่าจาก หลวงพี่ศรี ( ชูศรี เชิญยิ้ม ) และหลวงพี่พวง ( พวง เชิญยิ้ม ) ว่าเมื่อก่อนวัดเจริญมากผู้คนเข้ามาทำบุญกันอย่างมากมายเพราะการแหล่ของ หลวงตา ( เทพ โพธิ์งาม ) แต่ปัจจุบันหลวงตาป่วยและไม่สามารถออกมาแหล่ได้เหมือนเคย
ทำให้ไม่มีคนมาทำบุญประกอบกับมีนายทุนมาซื้อที่ดินและทำโรงโม่หิน ใกล้กับบริเวณวัดทำให้เกิดฝุ่นละอองอย่างมากมาย ชาวบ้านก็เกิดเป็นโรคภูมิแพ้ หลวงพี่โจอี้จึงหาวิธีทางต่างๆเพื่อให้ชาวบ้านอยู่รอดได้โดยสงบสุข แต่สิ่งที่หลวงพี่โจอี้ทำ ขัดกับผลประโยชน์ของนายทุนจึงคิดกำจัด หตัวเอง และ คนรอบข้าง โดยใช้หลักธรรมในการเอาชนะกับสิ่งต่างๆผลประโยชน์ของนายทุนจึงคิดกำจัด หลวงพี่โจอี้ต้องต่อสู้กับตัวเอง และ คนรอบข้าง โดยใช้�ัวเอง และ คนรอบข้าง โดยใช้หลักธรรมในการเอาชนะกับสิ่งต่างๆ
Saturday, September 13, 2008
ละคร สังข์ทอง ตอนเสี่ยงพวงมาลัย sung thong
ร้อยกรองเรื่อง "สังข์ทอง ตอนเสี่ยงพวงมาลัย"
ณ พารามหานครใหญ่ ท้าวสามลกลุ้มใจเป็นหนักหนา
ด้วยตัวเองก็ใกล้วัยชรา มิมีโอรสาไว้ชื่นชม
เพียงธิดาเจ็ดคนจึงหม่นจิต นั่งหงุดหงิดคิดให้ได้คู่สม
หันมาบอกมณฑาแม่ตาคม ในอุราหมองตรมจ่มโศกี
ท้าวสามลครุ่นคิดวินิจฉัย จะจัดให้เจ็ดธิดามารศรี
เลือกคู่คลอต่อหน้าประชาชี เฉพาะที่เป็นเจ้าร่วมเผ่าพงศ์
จึงสั่งให้เสนาไปประกาศ บุรุษชาติหน่อเนื้อเชื้อวงหงส์
ที่ขาดคู่เคียงข้างว่างทุกองค์ มายืนตรงรอรับพวงมาลี
ฝ่ายว่านางมณฑาหาช้าไม่ อ๋อว่าไงนะจ๊ะคะคุณพี่
อันว่าตัวน้องนั้นหูไม่ดี ช่วยบอกใหม่อีกทีนะว่าไง
ว่าอย่างหรือคะเสด็จพี่ บอกอีกทีเถิดหนาว่าจังได๋
ฟังไม่ชัดถนัดนักสักเท่าใด ด้วยว่าวัยชรามาเยือนตน
เมื่อตกลงปลงใจในความคิด จะถูกผิดอย่างไรไม่ต้องสน
จะหาผัวให้ลูกทุกทุกคน เลือกแต่ชนหน่อเนื้อเชื้อพระวงศ์
จึงสั่งซ้ำย้ำว่าเสนาเหวย อย่าช้าเลยรีบทำตามประสงค์
ไปประกาศตามข้าอย่ายืนงง นางมณฑาโฉมยงไม่บิดเบือน
น้อมรับกระแสราชโองการ เกณฑ์ทหารทันทีมิหันเหือน
ประดับแต่งโคมไฟไม่แชเชือน ทุกบ้านเรือนไฟสีมีปะปน
กระจองงอง กระจองงองเจ้าข้าเอ๊ย เจ้าชายเอ๋ยทั่วแคว้นแดนแห่งหน
หากท่านใดไร้คู่อยู่เคียงตน ขอเชิญที่"สามล"พาราเรา
บนปะรำพิธีที่จัดไว้ ติดโคมไฟสายรุ้งรุงรังเสา
ส่วนเจ้าเกี้ยวเจ้ากูนั่งดูเดา ด้วยเห็นเค้าหลังคาจะพาแบน
หวังได้พระธิดามาเป็นคู่ นั่งลุ้นอยู่เหงื่อไคลไหลท่วมแขน
เลือกพี่นะเลือกเอาไว้ไปเป็นแฟน บ้างก็ปลุกพระขุนแผนช่วยดลใจ
นางมณฑาคิดหนักชักหงุดหงิด ลูกมาผิดแบบแผนแปลนที่ให้
หกธิดาเลือกคู่ชื่นชูใจ เหลืออยู่ได้คนเดียวไม่เหลียวมา
ไม่ตกลงปลงใจไม่เอื้อนเอ่ย กลับยืนอยู่เฉยเฉยทำเต๊ะท่า
พวงมาลัยในมือที่ถือมา มิยอมขว้างยอมปาไปให้ใคร
สั่งเสนาอีกหนดังคนบ้า ไปเกณฑ์ชนชายมาอย่าช้าได้
จะเฒ่าชแรแก่ชราไม่ว่าไร อยู่แห่งหนตำบลไหนไม่ปรารมภ์
ให้รีบมาทันที่สถาน จะจัดการแต่งงานให้สุขสม
หากลูกข้าเลือกเฟ้นเป็นคู่ชม เหมือนตกหล่มแก้วแหวนแสนสบาย
ฝ่ายเสนาลนลานรีบขานตอบ คลานตกขอบมณเฑียรวิเชียรฉาย
ขืนชักช้าเชื่อยชาพาวุ่นวาย อาจโชคร้ายรออยู่รู้ตัวดี
กระจองงอง กระจองงองเจ้าข้าฯเอ๋ย อยากเป็นเขยราชามาที่นี่
ไม่เลือกชาติสกุลรุ่นดีกรี ถ้าโชคมีรจนาเสี่ยงมาลัย
อันวิสัยคนดูไม่อยู่นิ่ง เดินวนวิ่งไปมาบังหน้าพาขวักไขว่
ในตอนนี้ที่เห็นความเป็นไป เสียงเร่งเร้าก้องไกลถึงในดง
ที่ปะรำพิธี ณ ที่เก่า มากมายเหล่าชนชายหมายประสงค์
หวังร่วมเรียงเคียงข้างนางอนงค์ หวังโฉมยงมอบมาลัยให้ดังจินต์
ฝ่ายนางรจนาธิดาน้อย ยังไม่ปล่อยมาลัยให้จบสิ้น
ไม่มองเลยชนชายในธานินทร์ ดั่งยลยินสำเนียงเสียงนกกา
ผู้มารอมาลัยกลับไปแล้ว ยังนั่งแกร่วที่เก่าเศร้าหนักหนา
เห็นพี่มีคู่ชมสมหน้าตา ประคองพาผ่านไปไม่เหลียวแล
ท้าวสามลโกรธามหาโกรธ อยากจะโดดผลักให้ล้มหงายแผ่
เรียกมณฑามาดู๊ดูลูกแก สาระแนเล่นตนจนเกินตัว
สั่งเสนาอีกหนค้นทุกซอก ทั้งซอยตรอกด้วยหนาหาให้ทั่ว
เจอะคนบ้าคนใบ้ไม่ต้องกลัว จะโฉดชั่วหน้าตาพามาพลัน
ขอเดชะ...พระบารมีปกฯ อันพสกฯ ทั้งพาราที่ว่านั่น
ที่หนุ่มแลแก่เฒ่าเข้ามากัน ข้าฯ น้อยต้อนพวกมันดังบัญชา
คงจะเหลือแค่หนึ่งซึ่งวิปริต หลังป่าติดด่านซ้ายปลายสิงขา
มีกระท่อมรังหนูอยู่ท้ายนา มันชื่อว่า"เจ้าเงาะ"เพราะชอบกล
ท้าวสามลตบพระหัตถ์แล้วดัดแขน ด้วยคั่งแค้นรจนามาหลายหน
ถ้าเหลือเพียงเจ้าเงาะเหมาะกมล ลูกข้าอาจจะสนคนปอนปอน
ที่เห็นว่าน่าเกลียดอีเดียดซ้ำ อาจจะทำให้หรูดูไปก่อน
รีบไปนำตัวมาอย่าแง่งอน ข้าจะไปพักผ่อนนอนเอาแรง
มาถึงหน้ากระท่อมเก่าเสาโย้เย้ ตัวเรือนเทหลังคารั่วทั่วทุกแห่ง
เจ้าเงาะไม่สนใจใครแทรกแซง ไม่ชัดแจ้งท่าทีที่ชื่นชม
คงซ่อนกายเร้นอยู่ดูเฉยเฉย ทั้งไม่เคยเห็นหน้ามาขู่ข่ม
หันหลังให้ไล่ออกบอกอารมณ์ เหลือบเห็นร่มสีแดงวิ่งแข่งมา
บนปะรำพิธีที่เก่า"แหละ" คนยิ่งแยะวุ่นวายหลายภาษา
หวังมาดูเจ้าเงาะเคาะกระลา ที่ยืนบังโดนด่ากว้างปาแจม
สารรูปที่เห็นเป็นประจักษ์ ไม่น่ารักยักท่าตาพองแถม
พยักเพยิดเชิดหน้าตาส่ายแซม นั่งหน้าแหลมตาปรือมือจิ้มไช
ครั้นเจ้าเงาะมายืนประจำที่ มองทางโน้นทางนี้นี่ที่ไหน
อ้าปากหวอรอท่ายอดยาใจ อยู่นั่นไงรจนาน่ากอดนอน
หากบุญนำหนุนส่งองค์เป็นคู่ ให้พธูเห็นรูปในแล้วใจอ่อน
ให้นางเสี่ยงมาลามาคล้องกร นึกขอพรเทวามาช่วยดล
รจนามารศรีมีตาทิพย์ นางจึงหยิบมาลัยให้เป็นผล
ได้สามีเป็นเงาะเพราะเบื้องบน ช่วยเสกมนต์ให้เห็นกายเป็นทอง
ด้วยกุศลสมสร้างแต่ปางก่อน แม้จะซ่อนพรางไว้ไม่วายผ่อง
และด้วยบาปเคยก่อต่อทำนอง ตามมาจองชดใช้ในเวลา
ท้าวสามลคนโตโมโหจัด คว้าอีดาบหัวตัดขัดข้างฝา
ไม่มีแรงจับถือมืออ่อนล้า นางมณฑาอยู่ด้วยช่วยประคอง
นั่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟันหันหลังให้ สั่งทุกคนออกไปไม่เกี่ยวข้อง
รจนาหน้ามลคนสุดท้อง เชิญทั้งสองนอกเขตนิเวศม์วัง
ฝ่ายเจ้าเงาะดีใจแกล้งใบ้บ้า รีบจูงมือรจนามาด้านหลัง
แกล้งเดินย่างเยื้องเหยาะหัวเราะดัง ด้วยสมหวังได้เมียไว้เคลียคลอ
ประคองนางรจนามากับพี่ จะรักและปรานีไม่ตีต่อ
อยู่กับพี่ไม่มี"อด"เลิกทดท้อ มีเรือนหอรอรักพักกายี
ผ่านพวกพี่ทั้งหกโอ้อกเอ๋ย พี่กลับเอ่ยเยาะย้ำทำบัดสี
ดูดู๊ช่างเลือกได้ไม่รักดี ไม่นับน้องนับพี่แต่นี้ไป
ที่เป็นเจ้าก็มากอยากไม่เลือก ที่เป็นเทือกเป็นเถาเหล่าคนไพร่
ดีกว่าเลือกเจ้าเงาะเจาะจงใจ จงรีบไปปลายนาอย่ามามอง
ณ สถานกระท่อมรกหย่อมหญ้า เมื่อได้มาอยู่กันสองต่อสอง
พระถอดรูปให้เห็นว่าเป็นทอง แม่นางน้องรจนาอย่ากังวล
พี่ก็มีเชื้อ"เจ้า"บอกเอาไว้ บ้านเมืองอยู่แห่งใดไร้แห่งหน
ถูกตะเพิดมากับแม่แค่สองคน พ่อหลงมนต์เมียน้อยจับลอยแพ
พี่เงาะจ๋าถอดออกเถิดรูปเงาะ มันไม่เหมาะไม่ดีกับพี่แน่
ดีใจได้สมปองกายทองแท้ ขอเพียงแต่ถอดออกอย่าพอกกาย
เห็นเป็นทองทั้งตัวหัวจรดเท้า ใช่แค่ขาวผุ่ดผ่องมองขยาย
น่าจะพาเดินโชว์โก้จะตาย ทั้งนึกหมายเผา"รูป"เงาะไม่เหมาะตา
ทองที่เห็นนะน้องใช่ทองแท้ ในบ่อแม่มีไว้แต่ไร้ค่า
ใช่ทองคำทำขายฝ่ายการค้า เหตุเพราะว่าซุกซนจนเกินควร
ครั้งยังเล็กซ้ำไร้ซึ่งเดียงสา เที่ยวค้นหานั่นนี่จนถี่ถ้วน
พบบ่อทองที่ว่าเวลาจวน แม่ยักษ์หวลคืนถิ่นคงกินเรา
.ท้าวสามลหม่นจิตยังคิดแค้น รจนากับแฟนด้วยเรื่องเก่า
จะแกล้งหาเรื่องให้ใฝ่รุกเร้า แกล้งใช้เจ้าเจ็ดเขยไปหาปลา
หาไม่ได้จะฆ่าเสียเมียเอากลับ สั่งเสร็จสรรพย่องเบาเข้าเคหา
แต่ไม่ลืมยอดหญิงมิ่งมณฑา เข้ามานวดแข้งขาพี่หน่อยเธอ
นั่งน้ำตาหยดเผาะเพราะห่วงผัว พ่อไม่ชัวร์แกล้งซ้ำทำเป๋อเร๋อ
แกล้งให้ไปหาปลามาปรนเปรอ ไม่ใช่พ่อน่ะเร้อต้องเจอดี
แม้เจ้าเงาะจะบอกเอาไว้ก่อน ให้พักผ่อนรอดูอยู่ที่นี่
พี่จะรีบกลับมามิช้าที ด้วยพี่มีคาถาจับปลาเป็น
ฝ่ายเจ้าเงาะเหาะไปในละเมาะ ถอดรูปเงาะซ่อนไว้มิให้เห็น
นั่งนิ่งมองน้ำไหลทำใจเย็น เปิดประเด็นมุ่งหมายร่ายมนต์ตรา
เสกคาถาว่ามนต์จนประสิทธิ์ มวลมัจฉามาสถิตย์อยู่ตรงหน้า
ทั้งปลาตายปลาเป็นเห็นเต็มตา หกเขยมาเมียงมองจองแบ่งไป
จาก : เจ้าเงาะ นอนดึก มัวทำการบ้านอยู่ - 13/06/2001 01:53
ฝ่ายหกเขยตามเรื่องแรกเฟื่องฟุ้ง ได้ร่วมมุ้งพระธิดาเชิดหน้าใส่
วันนี้มีคำสั่งจากวังใน พ่อตาให้หาปลามาประเคน
หาไม่ได้พ่อตาจะฆ่าเสีย แถมยึดเมียกลับคืนขืนใจเผ่น
พบเจ้าเงาะเหมาะดีที่ชายเลน โยนปลาเล่นหลอกล่อจะขอมัน
ฝ่ายเจ้าเงาะเห็นหกเขยแกล้งเย้ยยั่ว ได้พบปลาสักตัวหรือไม่นั่น
ต้องมีของแลกเปลี่ยนเป็นรางวัล ใบหูเจ้างามครัน...ขอให้เรา
แลกกับปลาหนึ่งตัวอย่ามัวช้า ดีกว่าวายชีวารู้ไหมเล่า
ด้วยสมเพชนะนี่ชี้ทางเบา ถ้าไม่เอาเราจะได้รีบไปนอน
ข้างหกเขยจนใจไร้ทางเลือก เมื่อเจ้าเงาะตาเหลือกเปลือกไม่ล่อน
ขอจมูกแลกปลาท่ารีบร้อน มิผันผ่อนตามใจใครลังเล
ดั้งจมูกเคยโด่งโก่งเป็นสัน มาถึงวันแหว่งวิ่นสิ้นเสน่ย์
เดินผ่านไปทุกหนคนฮาเฮ เหมือนดังตัวลิเกเร่หลงโรง
ฝ่ายนางรจนามารศรี เห็นเงาะมีมัจฉามาเต็มโอ่ง
เข้าล้อมหน้าล้อมหลังรั้งจูงโจง หายใจโล่งคลาไคลเข้าในวัง
ระหว่างทางนางก็คิดจิตไม่ว่าง จะถากถางพี่สาวท้าวความหลัง
เคยเย้ยเยาะเคาะไค้ไม่อินัง จะไม่ยั้งรีรอขอทดแทน
ฝ่ายท่านท้าวขยันคิดกลั่นแกล้ง โมหะแฝงอัตตาหนาเป็นแผ่น
จะแกล้งให้อับจนด้วยค่นแค้น เก้งกระทิงสิงห์แลนไปหามา
ให้หกเขยไปด้วยช่วยขนาบ จมูกอาบเลือดไหลไม่กังขา
ด้วยในจิตคิดแค้นแน่นอุรา กิเลสหนาเกินขุดให้หลุดลอย
เจ็ดเขยรับโองการแล้วคลานออก หันมาบอกลาเมียระเหี่ยหงอย
ข้างเจ้าเงาะเหมาะใจรีบไปคอย เดินเกี่ยวก้อยรจนาแล้วคลาไคล
รจนากังวลเป็นหนสอง ห่วงสังข์ทองจริงจริงมินิ่งได้
นั่งรำพึงรำพันด้วยหวั่นใจ พี่หาจากที่ไหนทั้งเก้งกวาง
ฝ่ายหกเขยเสยจมูกถูกรอยโหว่ นึกโมโหรจนามาถากถาง
กอดเมียไว้กับอกทั้งหกนาง ทั้งนึกขวางพ่อตาหาเรื่องเติม
พี่จะไปหาเนื้อมาเผื่อพ่อ เจ้าจงรอเวลาออกมาเสริม
ประคองโฉมโลมลูบแล้วจูบเจิม ใจหึกเหิมเดินออกนอกนคร
ฝ่ายเจ้าเงาะเลาะลัดตัดเข้าป่า นั่งรอท่าหกเขยมาเอ่ยอ้อน
เรื่องเก้งกวางกลางไพรไม่อาทร แอบข้างขอนถอดรูปเป็นเทวา
จะเสกมนต์เรียกเนื้อเสือสมิง แล้วนั่งนิ่งดลใจให้มาหา
ที่ถึงคาดขาดแล้วแนวชตา ขอจงมาวายวางข้างหน้าเรา
ทั้งหกเขยเอ่ยลาออกมาแล้ว ก็เรียงแถวบ่ายหน้าป่าเชิงเขา
คงมากมีหมีช้างต่างนึกเดา กระรอกลิงกระทิงเต่าเหมาจับจอง
ลุป่าโปร่งโล่งดีเห็นมีสัตว์ แต่ผูกมัดเป็นทีมีเจ้าของ
เหลือบไปเห็นเทวาหน้าเป็นทอง ค่อยค่อยย่องเข้าไปใคร่แบ่งปัน
เทวดาหน้าทองมองหกเขย แล้วเอื้อนเอ่ยคารมเชิงข่มขวัญ
ใบหูเจ้าซ้ายขวามาแลกกัน ตัดมาพลันอย่าช้าถ้าต้องการ
หันมาสบตากันใจหวั่นไหว จำยอมให้ด้วยเกรงถูกประหาร
ความเคียดขึ้งถึงจุดสุดประมาณ ทั้งนึกพาลพ่อตาท้าวสามล
ฝ่ายองค์อินทร์ผินเนตรสังเกตโลก เห็นหกเขยเลือดโชกชักฉงน
ไม่รู้เรื่องอะไรในสกล ด้วยเผลอตนหลับไหลไม่ลืมตา
ตรวจสอบจนได้ความตามท้องเรื่อง ให้นึกเคืองสามลคนบาปหนา
จะต้องช่วยเจ้าเงาะรจนา เราจะลงไปท้าหาเรื่องมัน
จึงนิมิตโยธามาประกอบ ตามระบอบองค์อินปิ่นสวรรค์
ล้อมเมืองไว้ให้ดีก่อนหนีทัน ท้าพนันตีคลีที่นอกเมือง
ถ้าพ่ายแพ้แม้เมียเคยเคลียเคล้า จะยึดเอามาไว้ให้หมดเรื่อง
ถ้าชนะจะช่วยให้ได้รุ่งเรือง จะแถมเมืองน้อยใหญ่ให้ฟรีฟรี
ฟังประกาศหวาดผวาโกลาหล ท้าวสามลจนจิตสุดคิดหนี
จะต้องเสียเวียงชัยในครั้งนี้ หากมิมีผู้ใดไปต่อกร
สั่งหกเขยตามเคยเฉลยแจ้ง ข้าศึกแฝงกายมาหน้าสิงขร
หากแพ้เขาพวกเราจักม้วยมร อย่ามัวนอนร่ำไรไปจัดแจง
ท่านองอินทร์ผินพักตร์พยักยั่ว ด้วยเห็นกลัวตัวเกร็งเร่งผาดแผลง
เดาะคลีให้กระเด็นกระดอนแรง องค์อินแปลงหยันเย้ยเอ่ยยียวน
หกเขยพลาดแพ้พ่ายหายหัวหด สุดรันทดท้อซ้ำร่ำไห้หวน
เรียกมณฑามาใกล้ใช้รัญจวน ให้ไปชวนเจ้าเงาะที่ปลายนา
นางมณฑาเห็นด้วยฉวยห่อผ้า แล้วมุ่งหน้าเยื้องกายเลี้ยวซ้ายขวา
ถึงกระท่อมห้อมหอไม่รอช้า ลูกเงาะจ๋าคนดีอยู่ที่ใด
รจนาลูกแม่แก่หน้าย่น คงหมองหม่นจนยากลำบากไหม
เห็นหน้าลูกวันนี้แม่ดีใจ จะชวนไปตีคลีมีเดิมพัน
แล้วเล่าเรื่องทั้งหมดใจจดจ่อ เฝ้าวิงวอนงอนง้อพ่อเขยขวัญ
แม้ไม่ช่วยคงม้วยไปด้วยกัน พ่อแม่นั้นก็พร้อมใจะยอมตาย
นั่งรำพึงรำพันเช้ายันค่ำ เจ้าเงาะขำในใจไม่รู้หาย
แล้วหันหน้ามาข้างนางแม่ยาย รีบขยายขยับกลับเข้าวัง
นางมณฑาเข้าเมืองเรื่องใกล้จบ เจ้าเงาะหลบถอดรูปออกมาตั้ง
ร่างเป็นทองรองเรืองเหลืองดีจัง แล้วขึ้นนั้งหลังม้าเวลาเย็น
เข้าจู่โจมโรมรันมิครั่นคร้าม ก่อนลามปามอินทร์แปลงแจงให้เห็น
แล้วเหาะกลับลับไปในประเด็น เจ้าเงาะเป็นผู้ชนะกระเดาะคลี
ภาพเจ้าเงาะเหาะเหิรเดินอากาศ ทั้งสามารถน่าชมสมศักดิ์ศรี
งามประเทืองเหลืองทองผ่องอินทรี บนปะรำพิธีมีโคมไฟ
จัดพิธีรับขวัญกันอึงมี่ บ้างชวนชี้ให้ดูหมู่เขยใหญ่
จมูกโหว่หูแหว่งแสลงใจ เทียบไม่ได้กับองค์พระสังข์ทอง
ท้าวสามลปรีเปรมเกษมสานต์ นางมณฑาหน้าบานปานฝาห้อง
เข้าลูบหน้าลูบหลังนั่งประคอง เขยสุดท้องเขยเข้าทีมีบุญญา
จึงตกลงปลงใจไม่ข้องขัด ประกาศยกสมบัติให้ดังว่า
พระสังข์ทองครองคู่รจนา ครองพารา"สามล"คนต่อไป
เพลงประกอบละคร สังข์ทองลูกแม่ SUNG TONG
MV สังข์ทอง ลูกแม่ เพลงประกอบละคร สังข์ทองลูกแม่
MV Rodjana rum hai - รจนาร่ำไห้ เพลงประกอบละคร สังข์ทองลูกแม่
MV Hok koey lui ngo - หกเขยลุยเงาะ เพลงประกอบละคร สังข์ทองลูกแม่
เนื้อเรื่องละคร สังข์ทองลูกแม่
กาลปางก่อนมี พระเจ้าพรหมทัต (ท้าวยศวิมล) ครองเมืองพรหมนคร (เมืองยศวิมล) พระเจ้าพรหมทัตมีมเหสีสององค์ มเหสีฝ่ายขวาชื่อ พระนางจันทราเทวี (นางจันเทวี) มเหสีฝ่ายซ้ายชื่อ พระนางสุวรรณจัมปากะ (นางจันทา) พระเจ้าพรหมทัตโปรดมเหสีฝ่ายซ้ายมาก ต่อมามเหสีทั้งสองทรงครรภ์ โหรทำนายว่าบุตรของมเหสีฝ่ายขวาเป็นชาย ส่วนมเหสีฝ่ายซ้ายเป็นหญิง พระนางสุวรรณจัมปากะรู้สึกเสียใจที่จะได้ธิดาแทนที่จะเป็นโอรส และเกรงว่าพระนางจันทราเทวีจะได้ดีกว่า จึงใส่ร้ายพระนางจันทราเทวีจนพระเจ้าพรหมทัตหลงเชื่อขับไล่พระนางจันทราเท เวีออกจากพระราชวัง
พระนางจันทราเทวีเดินทางด้วยความยากลำบาก เมื่อถึงชายป่านอกเมือง ยายตาสองคนสงสาร จึงชวนให้พักอยู่ด้วย โอรสในครรภ์ของพระนางจันทราเทวีเห็นความยากลำบากของพระมารดา จึงแปลงกายเป็นหอยสังข์เพื่อไม่ให้พระมารดาต้องลำบากเลี้ยงดู เมื่อครบกำหนดคลอด พระนางจันทราเทวีก็คลอดโอรสออกมาเป็นหอยสังข์ ซึ่งพระนางก็รักใคร่ เลี้ยงดูเหมือนลูกมนุษย์
วันหนึ่งพระนางจันทราเทวี ออกจากบ้านไปช่วยตายายเก็บผักหักฟืน ลูกน้อยในหอยสังข์ก็ออกจากรูปหอยสังข์ช่วยปัดกวาดบ้านเรือน และหุงหาอาหารไว้ พอเสร็จก็กลับเข้าไปในรูปหอยสังข์ตามเดิม พระนางจันทราเทวี เมื่อกลับมาก็แปลกใจ ว่าใครมาช่วยทำงาน และเมื่อนางจันทราเทวีออกจากบ้านไป ลูกน้อยในหอยสังข์ก็จะออกมาทำงานบ้านให้เรียบร้อยทุกครั้ง พระนางจันทราเทวีอยากรู้ว่าเป็นใคร วันหนึ่งจึงทำทีออกจากบ้านไปป่าเช่นเคย แต่แล้วก็ย้อยกลับมาที่บ้าน โอรสในหอยสังข์ก็ออกมาทำงานบ้าน พระนางจันทราเทวีเห็นโอรสเป็นมนุษย์ก็ดีใจ จึงทุบหอยสังข์เสีย และกอดโอรสด้วยความยินดี พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า "สังข์ทอง"
เมื่อพระ เจ้าพรหมทัตรู้ข่าวว่า พระนางจันทราเทวีประสูติพระโอรส ก็ยินดีจะรับพระนางจันทราเทวีกลับ พระนางสุวรรณจัมปากะเทวีริษยาจึงได้เท็จทูลว่า พระโอรสเดิมเป็นหอยสังข์ พระเจ้าพรหมทัตก็หลงเชื่อเกรงจะเป็นกาลกิณีต่อบ้านเมือง จึงให้อำมาตย์จับพระนางจันทราเทวีและลูกน้อยสังข์ทองใส่แพลอยไป เมื่อแพลอยออกทะเล เกิดพายุใหญ่แพแตก พระนางจันทราเทวีถูกคลื่นซัดลอยไปติดที่ชายหาดเมืองมัทราษฎร์ พระนางก็เดินทางซัดเซพเนจรไปอาศัยบ้านเศรษฐีเมืองมัทราษฎร์ชื่อธนัญชัย เศรษฐี และทำหน้าที่เป็นแม่ครัว
ฝ่ายพระสังข์ทองนั้นจมน้ำลงไปยังนาคพิภพ พระยานาคมีจิตสงสารจึงเนรมิตเรือทอง แล้วอุ้มพระสังข์ทองใส่ไว้ในเรือ เรือทองลอยไปถึงเมืองยักษ์ซึ่งนางยักษพันธุรัตปกครองอยู่ นางยักษ์เห็นพระสังข์ทองในเรือทองเกิดความรักใคร่เอ็นดู จึงนำพระสังข์ทองมาเลี้ยงดูในปราสาท และให้พี่เลี้ยงนางนมแปลงร่างเป็นคน เพื่อมิให้พระสังข์ทองหวาดกลัว พระสังข์ทองก็เติบโตอยู่กับนางยักษ์พันธุรัต
นางยักษ์พันธุรัตปกติจะต้องออกไปหาสัตว์ป่ากินเป็นอาหาร เมื่อนางออกไปป่าก็จะไปครั้งละสามวันหรือเจ็ดวัน ทุกครั้งที่ไปก็จะสั่งพระสังข์ทองว่า อย่าขึ้นไปเล่นบนปราสาทชั้นบนและในสวน พระสังข์ทองก็เชื่อฟัง แต่เมื่อโตขึ้นก็เกิดความสงสัยอยากรู้ วันหนึ่งเมื่อนางยักษ์พันธุรัตไปป่า พระสังข์ทองก็แอบไปในสวนส่วนที่ห้ามไว้ เห็นกระดูกสัตว์และคนที่นางยักษ์กินเนื้อแล้วทิ้งกระดูกไว้เป็นจำนวนมาก พระสังข์ทองเห็นเช่นนั้นก็ตกใจ นึกรู้ว่ามารดาเลี้ยงเป็นยักษ์ก็รู้สึกหวาดกลัว
และเมื่อเดินต่อไปเห็นบ่อเงินบ่อทองสวยงาม พอพระสังทองเอานิ้วก้อยจุ่มลงไปนิ้วก็กลายเป็นสีทอง พระสังข์ทองจึงลงไปอาบทั้งตัวร่างกาย ก็กลายเป็นสีทองงดงาม แล้วพระสังข์ทองก็ขึ้นไปบนปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์ พระสังข์ทองเอาเกราะเงาะป่ามาสวม ก็กลายร่างเป็นเงาะป่า พอใส่เกือกทองก็รู้สึกว่าลอยได้ พระสังข์ทองจึงหยิบพระขรรค์ แล้วเหาะหนีออกจากเมืองยักษ์ และข้ามแม่น้ำไปยังเมืองตักศิลา ตกเย็นจึงพักอยู่ที่ศาลาริมน้ำ
ฝ่ายนาง ยักษ์กลับมาไม่เห็นลูก และขึ้นไปที่ปราสาทชั้นบน เห็นเกราะรูปเงาะป่า เกือกทอง และพระขรรค์หายไป ก็รู้ทันทีว่า พระสังข์ทองรู้ว่าตนเป็นยักษ์แล้วหลบหนีไป นางจึงเหาะตามไป เมื่อถึงฝั่งน้ำเห็นพระสังข์ทองพักอยู่ นางไม่สามารถเหาะข้ามไปได้ จึงร้องไห้ อ้อนวอนให้พระสังข์ทองกลับไป พระสังข์ทองยังหวาดกลัวจึงไม่ยอมกลับ นางพันธุรัตเสียใจจนหัวใจแตกสลาย แต่ก่อนตายนางก็สอนมนต์หาเนื้อหาปลาให้ พระสังข์ทองแล้วนางก็สิ้นใจตาย พระสังข์ทองรู้สึกเสียใจมากหลังจากได้จัดเผาศพนางยักษ์แล้ว พระสังข์ทองก็เหาะเดินทางไปเมืองพาราณสี และได้ไปอาศัยชาวบ้านช่วยเลี้ยงโค พระสังข์ทองตอนนี้รูปร่างเป็นเงาะป่าพวกเด็กเลี้ยงโคก็มาเล่นสนิทสนมกับพระ สังข์ทอง
ที่เมืองพาราณสีนี้เจ้าเมืองมีธิดา 7 องค์ เจ้าเมืองคิดจะให้พระธิดาทั้ง 7 องค์ได้อภิเษกสมรส จึงมีรับสั่งให้ประกาศแก่เจ้าผู้ครองนครต่างๆ ให้ส่งโอรสมาให้พระธิดาเลือกพระธิดาทั้ง 6 องค์ ก็เลือกได้เจ้าชายที่เหมาะสม แต่พระธิดาองค์สุดท้องชื่อ "รจนา" ไม่ยอมเลือกเจ้าชายองค์ใด เจ้าเมืองพาราณสีทรงกริ้วมากจึงประชดโดยให้อำมาตย์ไปประกาศให้ชายทุกคนใน เมือง ให้เข้ามาในวังให้พระราชธิดาเลือก พระสังข์ทองในรูปเงาะป่าก็ถูกเกณฑ์เข้ามาด้วย เมื่อนางรจนาออกมาเลือกคู่ บุญบันดาลให้เห็นรูปทองของพระสังข์ทองแทนที่จะเป็นเงาะป่า นางจึงเลือกเงาะป่า เจ้าเมืองพาราณสีกริ้วมากขับไล่นางรจนาออกไปอยู่นอกเมือง
เจ้าเมืองพาราณสีมีความแค้นเคืองเงาะป่าคิดจะกำจัด จึงออกคำสั่งให้เขยทั้ง 6 และเงาะป่า ไปหาเนื้อมาคนละตัว ใครหามาไม่ได้จะถูกประหารชีวิต เงาะป่าเข้าไปในป่าถอดรูปเงาะออกแล้วร่ายมนต์เรียกเนื้อ เนื้อทั้งหลายก็มาอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาเนื้อทั้งวันก็ไม่ได ้จนกระทั่งมาพบพระสังข์ทอง ซึ่ง 6 เขยคิดว่าเป็นเทวดา 6 เขยจึงขอเนื้อจากพระสังข์ทอง พระสังข์ทองให้โดยขอตัดใบหูคนละหน่อย 6 เขยยอม ทั้งหมดจึงนำเนื้อไปให้เจ้าเมืองพาราณสี
เจ้าเมืองพาราณสียังทำร้ายเงาะป่าไม่ได้ก็แค้นใจ จึงมีคำสั่งให้เขยทุกคนหาปลาไปถวาย พระสังข์ทองก็ถอดรูปเงาะป่าแล้วร่ายมนต์เรียกปลา ปลาก็มาออคับคั่งอยู่ที่พระสังข์ทอง 6 เขยหาปลามาไม่ได้ทั้งวัน และเมื่อพบปลามาอออยู่ที่พระสังข์ทองก็กราบไหว้อ้ออนวอนขอปลา พระสังข์ทองยกให้โดยขอตัดปลายจมูกหกเขยคนละหน่อย แล้วหกเขยกับเงาะป่านำปลาไปถวายเจ้าเมืองพาราณสี
เจ้าเมือง พาราณสีขัดแค้นใจที่ทำอันตรายเงาะป่าไม่ได้ ก็เฝ้าคิดหาวิธีการอื่นที่จะกำจัดเงาะป่า พระอินทร์บนสวรรค์ทราบถึงการคิดร้ายของเจ้าเมืองพาราณสีต่อเงาะป่าจึงลงมา ช่วย โดยเหาะลงมาลอยอยู่หน้าพระที่นั่งของเจ้าเมืองพาราณสี และกล่าวท้าทายว่าให้เจ้าเมืองพาราณสีหาคนดีมีฝีมือเหาะขึ้นมาตีคลีกับพระ อินทร์บนอากาศ ภายใน 7 วัน ถ้าหาไม่ได้ก็จะฆ่าเจ้าเมืองพาราณสี
เจ้าเมืองพาราณสีตกใจมาก ให้ 6 เขยและบรรดาเสนาอำมาตย์ช่วยกันหาผู้อาสาเหาะไปตีคลี ทุกคนก็จนปัญญา เจ้าเมืองพาราณสีจึงให้ป่าวประกาศว่าผู้ใดที่สามารถเหาะไปตีคลีกับพระอินทร์ บนอากาศได้ จะยกราชสมบัติให้ แต่ก็ยังไม่มีผู้ใดมาอาสา นางมณฑาเทวีพระมเหสีของเจ้าเมืองพาราณสี จึงแอบไปหานางรจนาและขอให้นางรจนาอ้อนวอนให้เงาะป่าช่วย เงาะป่าสงสารทั้งสองนางจึงรับปาก และในวันที่ 7 เงาะป่าก็ถอดรูปเป็นพระสังข์ทอง ใส่เกือกแก้วเหาะขึ้นไปตีคลีกับพระอินทร์จนชนะ พระอินทร์ก็กลับไปบนสวรรค์
เจ้าเมืองพาราณสีดีพระทัยมากได้ขอโทษพระสังข์ทองและยกราชสมบัติให้ตามสัญญา พระสังข์ทองขอลาไปตามหาพระนางจันทราเทวีก่อน พระสังข์ทองเดินทางไปตามเมืองต่างๆ จนกระทั่งมาถึงเมืองมัทราษฎร์ จึงไปสืบถามที่บ้านธนัญชัยเศรษฐีว่ารู้จักหญิงที่ชื่อจันทราเทวีหรือไม่ ธนัญชัยเศรษฐีบอกว่าไม่รู้จัก แต่ก็เชิญพระสังข์ทองอยู่รับประทานอาหาร พระสังข์ทองสังเกตว่าอาหารมีรสปราณีต ซึ่งผู้ทำจะต้องเป็นผู้ทำอาหารถวายพระเจ้าแผ่นดิน จึงขอพบแม่ครัวและซักถามประวัติ ก็ทราบว่าเป็นพระนางจันทราเทวีจึงดีใจมาก และขอธนัญชัยเศรษฐีที่จะรับพระมารดากลับไป
พระสังข์ทองนำพระมารดากลับไปอยู่ที่เมืองพาราณสี พระสังข์ทองปกครองเมืองพาราณสีจนเจริญรุ่งเรือง กิติศัพท์แพร่ไปยังนครอื่นๆ จนถึงเมืองพรหมนคร ชาวเมืองพรหมนครก็อพยพมาอยู่เมืองพาราณสี เสนาอำมาตย์เมืองพรหมนครจึงทูลเสนอพระเจ้าพรหมทัตว่า พระสังข์ทองพระราชโอรสครองเมืองพาราณสี มีความสามารถทำให้รุ่งเรือง จึงเห็นสมควรที่จะอัญเชิญพระสังข์ทองมาครองเมืองพรหมนครเพื่อสร้างความเจริญ พระเจ้าพรหมทัตเมื่อทรงทราบว่าพระโอรสยังมีชีวิตอยู่และมีความสามารถก็ยินดี และสำนึกผิดให้อำมาตย์ผู้ใหญ่ไปเมืองพาราณสีและทูลเชิญพระสังข์ทอง พระนางจันทราเทวี กลับเมืองพรหมนคร พระสังข์ทองสงสารพระบิดา จึงอ้อนวอนพระมารดาให้อภัยพระเจ้าพรหมทัตและเดินทางกลับเมืองพรหมนคร พระเจ้าพรหมทัตก็มอบราชสมบัติให้พระสังข์ทอง ปกครองบ้านเมืองเป็นสุขสืบมา
ติดตามเรื่องราวความสนุกของละครพื้นบ้านเรื่อง "สังข์ทอง" ได้ทุกเช้าวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 09.00 น. ทางช่อง 7
รายชื่อนักแสดง
น้องจีโน่ - ชญานิน เต่าวิเศษ รับบท พระสังข์ทองตอนเด็ก
น็อต - วสุ ประทุมรัตน์วัฒนา รับบท พระสังข์ทอง
มายด์ - ธารธารา รุ่งเรือง รับบท รจนา
หนำเลี้ยบ - คุณฉกาจ วรสิทธิ์ รับบท เจ้าเงาะ
ปืนใหญ่จอมสลัด queens of pattani
เทรลเลอร์ตัวใหม่ โฆษณา 5 กันยายน
แนวภาพยนตร์ แอ็คชั่น-แฟนตาซี
บริษัทผู้สร้างและจัดจำหน่าย สหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล
บริษัทดำเนินงานสร้าง ภาพยนตร์หรรษา
อำนวยการสร้าง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ, Mr. Ron Paul Fineman
ควบคุมการผลิต นนทรีย์ นิมิบุตร
กำกับภาพยนตร์ นนทรีย์ นิมิบุตร
เรื่องย่อ 400 ปีที่แล้ว ลังกาสุกะ รัฐอิสระต้องสูญเสีย รายาบาฮาดูร์ ชาห์ จากการถูกลอบปลงพระชนม์ ราชวงศ์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการสถาปนา องค์หญิงฮีเจา (จารุณี สุขสวัสดิ์) ธิดา คนโตขึ้นเป็นรายาสตรีองค์แรกแห่งลังกาสุกะ แม้รายาฮีเจาจะปกป้องบ้านเมืองอย่างเข้มแข็ง แต่เหล่าแคว้นรอบด้าน รวมทั้งกลุ่มกบฏและโจรสลัดต่าง ๆ ล้วนหมายจะยึดครองดินแดนอันมั่งคั่งแห่งนี้
จนกระทั่ง ยานิส บรี ปราชญ์แห่งอาวุธชาวดัชท์ เดินทางมาพร้อมกับศิษย์เอกนักประดิษฐ์ชาวจีนนาม ลิ่มเคี่ยม (จักรกฤษณ์ พณิชย์ผาติกรรม) เพื่อนำมหาปืนใหญ่ อาวุธที่ดีที่สุดไปถวายรายาฮีเจาใช้ป้องกันบ้านเมือง แต่กลับถูกกลุ่มโจรสลัดที่นำโดย เจ้าชายราไว (เอก โอรี) และ อีกาดำ (วินัย ไกรบุตร) จอมสลัดผู้มีวิชาดูหลำอันแก่กล้า ซุ่มโจมตีเพื่อชิงมหาปืนใหญ่ จนทำให้เรือฮอลันดาระเบิด ยานิส บรีถึงแก่ความตาย กระบอกปืนใหญ่จมลงสู่ก้นทะเล เหลือเพียงแต่ลิ่มเคี่ยมเท่านั้นที่ยังรอดชีวิตอยู่
เหตุการณ์ครั้งนี้ยังเป็นเวลากำเนิดของ ปารี (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) เด็ก ชายชาวเลผู้มีคุณสมบัติพิเศษในตัวที่จะสามารถฝึกวิชาดูหลำขั้นสูงได้ ปารีเติบโตเป็นหนุ่ม พร้อมกับสั่งสมทั้งความสามารถและความแค้นในการสะสางอีกาดำที่ทำให้พ่อและแม่ ของตนต้องตาย ลิ่มเคี่ยมซึ่งช่วยชีวิตปารีในครั้งนั้นไว้ได้ หลบมาใช้ชีวิตอยู่กับหมู่บ้านชาวเล พร้อมประดิษฐ์อาวุธพิสดารมากมาย และตั้งกลุ่มก่อกวนตัดกำลังโจรสลัดขึ้น
แม้ลังกาสุกะจะมีทหารเอกฝีมือเยี่ยมอย่าง ยะรัง (ชูพงษ์ ช่างปรุง) แต่ฮีเจาก็ยังจำเป็นต้องให้ อูงู (แอนนา แฮมบาวริส) น้องสาวคนเล็กของตนอภิเษกกับ เจ้าชายปาหัง (เจษฎาภรณ์ ผลดี) เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้ลังกาสุกะ แม้อูงูจะไม่เต็มใจก็ตาม ขณะที่ยะรังนั้นกลับตกหลุมรัก บิรู (ณัฐรดา อภิธนานนท์)องค์หญิงคนรอง แต่กลับไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกนั้นได้
การต่อสู้ของหลายฝ่ายเริ่มขึ้น จนทำให้ปารีได้มาพบกับอูงู ทั้งคู่หลงไปติดเกาะร้างแห่งหนึ่ง เพื่อรักษาตัวจากบาดแผล ที่นั่น…ปารีได้ฝึกวิชาดูหลำชั้นสูงจาก อาจารย์กระเบนขาว (สรพงษ์ ชาตรี) ปรมาจารย์ทางดูหลำ และค้นพบว่า ดูหลำคือวิชาที่มีทั้งด้านสว่างที่ทรงพลังและด้านมืดที่น่ากลัว ยากจะควบคุมจิตใจเอาไว้ได้ พร้อมกับที่ความรักของทั้งปารีและอูงูได้งอกงามขึ้น ขณะเดียวกัน ลิ่มเคี่ยมกุญแจสำคัญในการสร้างปืนใหญ่ กลับถูกกลุ่มสลัดจับตัวเป็นเชลยไว้ได้ และถูกบังคับให้ต้องสร้างปืนใหญ่ที่จะนำมาใช้ทำลายล้างรัฐลังกาสุกะ
สงครามครั้งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น โดยลังกาสุกะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เพราะกองทัพโจรสลัดกลับสามารถกู้มหาปืนใหญ่ในตำนานนั้นจากก้นทะเลไว้ได้ ลังกาสุกะเป็นเป้าหมายของการทำลายล้าง มีเพียง ยะรังนักรบผู้กล้า ปัญญาของลิ่มเคี่ยม อูงูผู้พร้อมสละทั้งชีวิตและความรักเพื่อแผ่นดิน และพลังดูหลำอันลึกลับของปารีเท่านั้น ที่จะต่อกรกับแสนยานุภาพจากกองทัพโจรสลัดเอาไว้ได้
จุดรวมของสุดยอดและปรากฏการณ์เหนือจินตนาการ “ปืนใหญ่จอมสลัด”
เป็น ภาพยนตร์แอ็คชั่นที่มีเรื่องราวอยู่บนพื้นฐานของความจริง โดยผสมผสานกลิ่นอายของแฟนตาซี เพื่อเพิ่มอรรถรสความสนุกสนานในแนวทางของภาพยนตร์ โดยเดินเรื่องด้วยตำนานความเสียสละเพื่อแผ่นดินของราชินี 3 พระองค์แห่งลังกาสุกะ พร้อมสอดแทรกชีวิตที่น่าสนใจของชนเผ่าชาวเล และโจรสลัดที่ต่างก็มีจุดประสงค์ในการดำเนินชีวิตเพื่อแผ่นดินเกิดที่ต่าง กันไป
เป็นอภิมหาโปรเจ็คต์ภาพยนตร์ไทยฟอร์มยักษ์แห่งปีที่ทุ่มทุนสร้างด้วยงบประมาณ 300 ล้านบาท ภายใต้การกำกับภาพยนตร์ครั้งยิ่งใหญ่ในรอบสิบปีของผู้กำกับคุณภาพ นนทรีย์ นิมิบุตร โดยเสริมรากฐานความแข็งแกร่งของโปรเจ็คต์ด้วยนักเขียนรางวัลซีไรต์ วินทร์ เรียววาริณ กับครั้งแรกในการเขียนบทภาพยนตร์, ผู้ออกแบบงานสร้าง เอก เอี่ยมชื่น กับครั้งสำคัญที่จะเสกสรรค์ปั้นจินตนาการให้ออกมาสมจริงที่สุดอีกครั้งหนึ่ง, ดูแลการผลิตโดย เชิดพงษ์ เหล่ายนตร์ และที่ปรึกษาดูแลงานทางด้านภาพโดย ชาญกิจ ชำนิวิกัยพงศ์
3. กว่า 5 ปี ในการเตรียมงานสร้างและถ่ายทำ ด้วยทีมงานกว่า 1,000 ชีวิต ที่ทุ่มเททุกศาสตร์แห่งศิลป์หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวสู่อลังการงานสร้างของโป รเจ็คต์ ถ่ายทอดแต่ละฉากแห่งจินตนาการให้ปรากฏขึ้นจริงบนแผ่นฟิล์ม โดยทีมงานได้เลือกใช้โลเกชั่นทางทะเลหลากหลายแห่งในเมืองไทย ตั้งแต่การเนรมิตฉากหมู่บ้านชาวเลที่เกาะสีชัง จ. ชลบุรี, เลือกโลเกชั่นใน อ.สัตหีบ เพื่อถ่ายทำเรื่องราวในส่วนกลางทะเลและกำแพงวัง รวมถึงเลือกจังหวัดกระบี่และพังงา เพื่อถ่ายทำฉากถ้ำบนเกาะ นอกจากนี้ยังมีการสร้างฉากใหญ่ที่มีส่วนสำคัญในภาพยนตร์อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความพิถีพิถันทุกตารางนิ้วของฉากภายในพระราชวังลังกาสุกะ ไปจนถึงการสู้รบบนเรือโจรสลัด ด้วยการสร้างเรือหลายรูปแบบที่สามารถใช้ได้จริง รวมถึงเทคนิคพิเศษด้านภาพกว่า 2,000 ช็อต ที่จะถูกเนรมิตออกมาอย่างสมจริงที่สุดเท่าที่เคยมีมาในภาพยนตร์ไทยโดยทีมผู้เชี่ยวชาญอย่าง BLUE FAIRY
4. ระดมนักแสดงคุณภาพระดับแถวหน้าของเมืองไทย และรุ่นใหม่ไฟแรงมาปะทะฝีมือกันอย่างคับคั่ง ตั้งแต่การได้นางเอกตลอดกาลอย่าง “จารุณี สุขสวัสดิ์” หวนคืนแผ่นฟิล์มครั้งแรกในรอบหลายปี พร้อมด้วยรุ่นใหญ่ฝีมือเอกอุอย่าง “สรพงษ์ ชาตรี”, ประชันบทบาทครั้งสำคัญในชีวิตของ “อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม” พระเอกเจ้าเสน่ห์ผู้พลิกคาแร็คเตอร์อย่างหาตัวจับยาก และ “เดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง” พระเอกความสามารถสูงในด้านแอ็คชั่นเสี่ยงตาย รวมถึงนักแสดงหน้าใหม่อีกมากมาย
5. และที่ได้รับการกล่าวขานถึงเป็นอย่างยิ่ง นั่นคือการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของผู้กำกับ นนทรีย์ นิมิบุตร กับเหล่านักแสดงระดับแม่เหล็กของเมืองไทยอย่าง “ติ๊ก เจษฏาภรณ์ ผลดี”, “ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ”, “อรรถพร ธีมากร” และ ชาติชาย งามสรรพ์ (2499 อันธพาลครองเมือง), “วินัย ไกรบุตร” (นางนาก) และ “สุวินิต ปัญจมะวัต” (จันดารา และ อารมณ์ อาถรรพณ์ อาฆาต ตอน The Wheel)
นนทรีย์พูดถึงหนัง
“ปืน ใหญ่จอมสลัด เป็นภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตที่ผมเคยทำมา ซึ่งผมว่ามันก็ถึงเวลาของมันแล้ว โปรเจ็คต์ใหญ่ ๆ แบบนี้ ต้องใช้ทั้งพลังและเวลาอย่างมาก ซึ่งเราก็ต้องทำในช่วงเวลาที่เรายังทำไหวอยู่ ยังสามารถเอามันได้อยู่ ถ้าผมจะคาดหวังอะไรจากมัน ผมจะหวังให้บอกตัวเองอยู่เสมอว่า จะทำหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เพื่อที่ผมจะได้เต็มที่กับมันทุกครั้ง”
นนทรีย์พูดถึงวินทร์ เลียววาริณ
“ผม ใช้เวลาพูดคุยกับพี่วินทร์นานเป็นปี หลายคนอาจจะไม่ทราบว่า เขาเคยเรียนทางด้านภาพยนตร์คอร์สสั้น ๆ มาก่อนที่อเมริกา ดังนั้นความรู้ด้านภาพยนตร์ของเขาจึงมีเยอะอยู่แล้ว เราก็เพียงแค่นำมาประกอบกัน เขาเป็นคนที่ทำงานเร็วมาก แล้วก็มีระเบียบวินัยมากด้วย น่าศรัทธาในการทำงานมาก ๆ เป็นโชคดีของผม ที่พี่วินทร์มาเขียนบทให้ทั้งเรื่อง”
นนทรีย์พูดถึงผู้กำกับศิลป์เอก เอี่ยมชื่อ
“กอง ถ่ายของเราเหมือนมีชีวิตอยู่ในสงคราม เราชอบมีชีวิตอยู่แบบนี้ เรารักกัน แล้วเราก็ยกพวกไปตีคนอื่น เอาชนะได้สำเร็จเป็นหนังฉาย เราและทุกคนที่มากับเราก็จะอยู่ในประวัติศาสตร์หนังไทย ถ้าเราทำดีพอ”
เอก เอี่ยมชื่น ผู้ออกแบบงานสร้างมือหนึ่งของวงการภาพยนตร์ไทย อยู่เบื้องหลังความสำเร็จแบบเคียงบ่าเคียงไหล่มาในทุก ๆ ผลงานของนนทรีย์ นิมิบุตร เรียกได้ว่า “มีอุ๋ยที่ไหน มีเอกที่นั่น”
ด้วยความเป็นเพื่อนสนิทกันมานานและทำงานเข้าขากันได้เป็นอย่างดี กับผลงานเรื่องยิ่งใหญ่ในชีวิตของทั้งคู่อย่าง “ปืนใหญ่จอมสลัด” นี้ เอกและนนทรีย์จึงผนึกกำลังกันอีกครั้งในการสร้างฝันผ่านจินตนาการแบบแอ็คชั่นแฟนตาซีให้ออกมาอย่างสมจริงที่สุด
งานสร้างฉาก, สรรพาวุธ, ชุดแต่งกาย และอุปกรณ์ประกอบฉากทุกอย่างล้วนผ่านการค้นคว้าข้อมูลกันอย่างเจาะลึกและใช้ เวลานานนับปีในการออกแบบและสร้างสรรค์อย่างพิถีพิถันในทุกขั้นทุกตอนบนพื้น ฐานของความสมจริง ไม่ว่าจะเป็น หมู่บ้านชาวเล, ฉากพระราชวังลังกาสุกะทั้งในและนอก, ฉากกำแพงวัง, ฉากคุกที่คุมขัง รวมถึงฉากสู้รบบนเรือโจรสลัด ฯลฯ
เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่เกิดจากความทุ่มเทของเอกและทีมงานอย่างเต็มพิกัด เพื่อทำให้องค์ประกอบในทุก ๆ ฉากที่ล้วนมีความสำคัญเป็นอย่างมากในภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาอย่างน่าเชื่อ ถือและมีคุณภาพมากที่สุดสมกับเป็นผู้ออกแบบงานสร้างที่กวาดรางวัลมาแล้วแทบ ทุกสถาบัน
4 romance, ฝัน-หวาน-อาย-จูบ
หน้าหนาวปีนี้.....
สหมงคลฟิล์มอินเตอร์เนชั่นแนล และ บาแรมยู
พร้อมแล้วที่จะเติมเต็มทุกอณูความรู้สึกในทุกพื้นที่หัวใจ
ให้อบอวลไปด้วยไออุ่นของทุกความโรแมนซ์
กับภาพยนตร์ที่มีแต่ รัก...รัก...รัก
พิํธีบวงสรวง ฝัน หวาน อาย จูบ
4 เรื่องราวแห่งรักที่ถูกถ่ายทอดผ่าน 4 มุมมอง จาก 4 ผู้กำกับระดับแนวหน้าของเมืองไทย 22 นักแสดง
กำกับโดยผู้กำกับ 4 คนคือ ชูเกียรติ ศักดิ์วีระกุล (ฝัน) ,ปรัชญา ปิ่นแก้ว (หวาน) ,บัณฑิต ทองดี (อาย) และ ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล (จูบ) โดยมีรูปแบบ เรื่องราว วิธีเล่า และแนวความคิดที่ผ่านผู้กำกับแต่ละคน ทั้งรูปแบบมิวสิคคัล ,ดราม่า,คอมิดี้,แอ็คชั่น ฯลฯ โดยมีวงออกัสมาร้องเพลง
ฝัน
โลกแห่งจินตนาการ เขตแดนแห่งความฝัน และวง AUGUST คือจุดเริ่มต้นของการเดินทางเพื่อค้นหาพลังแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ของหัวใจดวงจิ๋ว
แรกเริ่ม ชูเกียรติ ตั้งใจจะทำภาพยนตร์เรื่อง 14 ก่อน แต่พอโครงการนี้เข้ามาและได้ร่วมงานกับพี่ๆ หลายคน และต้องการทำหนังรักที่แตกต่างจาก รักแห่งสยาม ส่วนนักแสดง เนื่องจากได้ร่วมงานทำเพลงกับวงออกัส พอจะทำหนังจึงคิดว่าเหมาะสมและเข้าขากันดี ในส่วนบทบาททางผู้กำกับคาดว่า ไม่เคยเห็นมาก่อนและไม่คาดคิด และน่าเป็นที่จดจำ เป็นสิ่งแปลกใหม่ ในส่วนเนื้อเรื่องไม่ยาก จะยากตรงความคิด การออกแบบที่ขายการมองภาพ และมีเกี่ยวกับดนตรี สถานทีถ่ายทำในกรุงเทพทั้งหมด
หวาน
วันใดก็ตามที่ความรักหมดอายุ จงนึกถึงกล่องความทรงจำแห่งความรัก เพื่อจะพาไปสู่วันแรกที่เราได้เจอกัน...และบอกรักกัน และพิสูจน์ว่าความรักจะอยู่ได้ชั่วนิรันดร์หรือไม่?
ตอน "หวาน" มีนักแสดงคือ ชาคริต แย้มนาม ,สุทธิดา เกษมสันต์ ณ อยุธยา, อภิญญา สกุลเจริญสุข และ วิศิษฎ์ ผ่องโสภา โดยการคัดเลือกตัวนักแสดงฝ่ายหญิง ในช่วงที่เริ่มหาตัวแสดง ก็ได้สุทธิดา เข้ามาในหัว และยังเคยร่วมงานกันมาก่อนเมื่อครั้งอยู่อาร์เอสและ หน้าตาคล้ายสายป่าย ส่วนชาคริต ทีมงานได้เอ่ยถึงมา ซึ่งปรัชญาเคยคุยกับชาคริตมาก่อนแต่ไม่ได้ทำหนัง ส่วนวิศิษฎ์ ผ่องโสภา ทางปรัชญากล่าวว่าต้องการคนที่ไม่หน้าใหม่มาก ในด้านการฝึกซ้อมการแสดง สุทธิดา ที่รับบทเป็นคนผิดปกติบางอย่าง จึงต้องการการแสดงฝึกซ้อมเพิ่มเติม ในส่วนสถานที่ถ่ายทำ ถ่ายในกรุงเทพเป็นหลักและมีต่างจังหวัดบ้างโดยคิดว่าน่าจะเป็นแถวหัวหิน
อาย
3วัน2คืนบนเกาะสวรรค์ หาดทรายขาว ท้องฟ้าใส และทะเลสีคราม จะทำให้ความหมายของคำว่า “อาย” และ “รักครั้งเก่า” ของเขาและเธอเปลี่ยนไป
บัณฑิต ทองดี ผู้กำกับภาพยนตร์ หลังจากที่เขียนบทภาพยนตร์ ก็นึกถึงนักแสดงที่จะมาร่วมแสดง คือ กัญญา รัตนเพชร์ เหตุผลเพราะเป็นหนังที่มีสีสัน สีฟ้า สีขาว ที่มีลักษณะทะเล ที่มีบุคลิกสดใส ส่วนพระเอก อยากได้พระเอกที่ในตอนอื่นที่มีชาคริตและมาริโอ้ที่เป็นที่รู้จักดี และเห็นผลงานในโฆษณาของ ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ที่ดูสดใสและน่าจับตา จึงเลือกที่จะมาร่วมงานกัน ส่วนสถานที่ถ่ายทำถ่ายที่เกาะห้อง และทะเลแหวก จังหวัดกระบี่ ซึ่งเป็นเกาะที่ไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยอยู่และไม่ค่อยมีรีสอร์ต
จูบ
คุณเสียจูบแรกตอนอายุเท่าไหร่ ?
ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล ผู้กำกับที่โด่งดังจากเรื่อง โลกทั้งใบให้นายคนเดียว ได้พูดถึงการคัดเลือกตัวนักแสดง เริ่มจากในที่ประชุม ที่ชูเกียรติตั้งใจที่จะทำภาพยนตร์โดยมีนักแสดงคือวงออกัส และในที่ประชุมก็มีความเห็นว่าควรทำหนังที่มีมาริโอ้เล่น หลังจากนั้นก็ไปคิดโจทย์ เริ่มแนวคิดในส่วนเนื้อเรื่อง โดยตั้งคำถามว่าก่อนทำบทหนังนี้ว่า "ทุกวันนี้เด็กผู้หญิง เสียจูบครั้งแรกตอนอายุเท่าไหร่" และตีประเด็นคุณค่าของจูบ และให้มีลักษณะหนังวัยรุ่นที่เป็นแบบผู้ชาย ๆ โดยจะได้นักแสดงอย่าง มาริโอ้ เมาเร่อ มาตีความหมายของคำนี้ และทำให้มีความแตกต่างจากที่มาริโอ้เคยเล่นในเรื่องอื่น ๆ มา โดยเรื่องนี้มีธีมที่ได้มาคือ "Physical romance"ความกดดันของผู้กำกับคือ "กำกับการแสดงมาริโอ้ ที่ทำให้คนดูชื่นชอบอย่างไร"
และภายหลังจากงานบวงสรวงภาพยนตร์ 2-3 วัน จึงได้นักแสดงหญิงหน้าใหม่ อภิศรา ทัดติ โดยแคสต์จากคน 30-40 คน เป็นนักแสดงใหม่ที่ไม่เคยมีผลงานการแสดงหรือเล่นโฆษณาหรือมิวสิกวิดีโอ โดยผู้กำกับเปิดเผยว่า "สิ่งที่เราต้องการจากน้องเขาคือความน่ารักสดใส ความเป็นธรรมชาติ อย่างน้องกุ๊กกิ๊ก เสน่ห์ของน้องเขา นอกจากความน่ารักสดใส ยิ้มแย้ม ขี้เล่น" และการแสดงบทดราม่าที่ทำได้และมีความสูงยืนคู่กับมาริโอ้ได้
การเตรียมตัวของมาริโอ้ คืออ่านบทเยอะ ๆ ฟิตร่างกายให้พร้อม เก็บตัวไม่ออกงานเยอะมาก และเวิร์กช็อป
ส่วนสถานที่ถ่ายทำ ถ่ายทำในหลายที่ในกรุงเทพ อย่างเช่น โรงภาพยนตร์เฮาส์ ย่านอาร์ซีเอ ซึ่งเป็นฉากที่เห็นความสัมพันธ์ในฐานะแฟนกันของทั้งคู่ ที่เล่นเกมโยนโบว์ลิ่งบนโทรศัพท์มือถือ และหยอกล้อกัน